ปัญหาการอ่านหนังสือแล้วจำไม่ได้อาจเป็นปัญหาหนักอกของใครหลายๆคน ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียนที่พอใกล้ช่วงสอบก็ประสบปัญหาเรื่องของการอ่านหนังสือแล้วจำไม่ได้เสียทีหรืออ่านซ้ำหลายรอบก็แล้ว เข้าห้องสอบไปก็ลืมจนหมด หรือกระทั่งผู้ใหญ่วัยทำงานที่อ่านหนังสือหรืองานเอกสารแล้วก็นึกไม่ออกว่าได้อ่านอะไรไปบ้าง วันนี้ Dii supplements ได้รวบรวมเทคนิคต่างๆ ที่จะช่วยให้คุณอ่านหนังสือได้มีประสิทธิภาพและจดจำได้มากขึ้นมาฝากกันค่ะ
แต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้และจดจำแตกต่างกันออกไป บางคนจำในรูปแบบของเสียงได้ดีกว่าก็สามารถอ่านออกเสียงเพื่อให้ตัวเองได้ยินและจำเนื้อหานั้นได้ ในขณะที่บางคนเรียนรู้ผ่านลงมือทำก็สามารถขีดเขียนหรือใช้ภาษากายช่วยในการจดจำได้ [1] และหลายคนก็มีรูปแบบการจดจำในแบบของรูปภาพและสี ซึ่งการไฮไลท์ข้อความสำคัญที่อ่านหรือการวาดไดอะแกรมก็ช่วยให้สามารถจำเนื้อหาและสาระสำคัญได้ดีขึ้น[2]
การสร้างตารางอ่านหนังสือที่สอดคล้องกับความเป็นจริงจะช่วยให้คุณมีเป้าหมายในการอ่านในแต่ละวัน แม้ว่ารูปแบบตารางการอ่านของแต่ละคนจะต่างกันออกไป การอ่านหนังสือในช่วงเวลาเดิมของวันจะช่วยทำให้การอ่านหนังสือกลายเป็นกิจวัตรและเกิดความเคยชินขึ้น นอกจากนี้ ความหลากหลายของเนื้อหาหรือวิชาที่จะอ่านก็จะช่วยลดความรู้สึกเบื่อที่จะต้องอ่านลงไปได้ และหลังจากอ่านหนังสือตามเป้าหมายของวันนั้นๆจบลงแล้ว ควรมีการตั้งเป้าหมายการอ่านของวันต่อไปไว้ด้วย [3]
การเร่งอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่องในคืนเดียว หรือที่มักได้ยินบรรดานักเรียนนักศึกษาเรียกว่า one night miracle นั้นเป็นวิธีที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกเครียดแล้ว ยังไม่ช่วยให้จดจำได้ดีขึ้นอีกด้วย Dr.Todd Handy ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านประสาทวิทยาศาสตร์แนะนำว่า การแบ่งการอ่านออกเป็นช่วง ช่วงละ 20 – 50 นาที และมีเวลาพักเบรก 5 – 10 นาทีจะช่วยให้เราจดจำเนื้อหาได้มากกว่าการอ่านแบบรวดเดียว เพราะข้อมูลที่สมองได้รับในตอนแรกจะเป็นความจำระยะสั้น เมื่อผ่านกระบวนการ memory consolidation แล้วจึงจะเปลี่ยนเป็นความจำระยะยาว ซึ่งกระบวนการนี้ต้องใช้เวลา และต้องให้ข้อมูลนั้นกับสมองซ้ำๆอีกด้วย ดังนั้นนอกจากแบ่งการอ่านออกเป็นช่วงแล้ว ควรจัดตารางให้มีการอ่านทบทวนซ้ำด้วย [4]
นอกจากนำเทคนิคช่วยให้การอ่านมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปประยุกต์ใช้แล้ว การดูแลสุขภาพกาย โดยเฉพาะการบำรุงระบบประสาทและสมองก็สำคัญไม่แพ้กัน ในช่วงใกล้สอบหรือส่งงานซึ่งต้องใช้การเรียนรู้และจดจำมากเป็นพิเศษนั้น ร่างกายควรได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ และมีการออกกำลังกายร่วมด้วย ยิ่งไปกว่านั้น การมองหาตัวช่วยในการบำรุงสมองโดยเฉพาะวิตามินในกลุ่ม B ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อสุขภาพที่ดีของสมองในช่วงอ่านหนังสือ โดยเฉพาะวิตามิน B1, B2, B3, B5, B6, B9 และ B12 ซึ่งช่วยให้ระบบประสาทและสมองทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการปวดไมเกรน ช่วยในกระบวนการสร้างเซลล์ประสาท[5] รวมถึงช่วยให้ร่างกายหลั่งสารสื่อประสาทให้อารมณ์ดีขึ้นอีกด้วยค่ะ
“Dii Supplements ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดี ผิวสดใสในทุกวันนะคะ”
1.Study Tips | Study Techniques | Study Help | Youth Central. (2020). Retrieved 15 July 2020, from https://www.youthcentral.vic.gov.au/study-and-training/help-with-study/how-to-study-better/top-10-study-tips
2.Memorization Strategies – Learning Center. (2020). Retrieved 15 July 2020, from https://learningcenter.unc.edu/tips-and-tools/enhancing-your-memory/
3.5 tips to study effectively for your exams. (2017). Retrieved 15 July 2020, from https://www.sydney.edu.au/study/why-choose-sydney/student-life/student-news/2017/12/14/5-tips-to-study-effectively-for-your-exams.html
4.Jones, R. (2019). The neuroscience of effective studying. Retrieved 15 July 2020, from https://students.ubc.ca/ubclife/neuroscience-effective-studying
5.Vitamin B. (2020). Retrieved 15 July 2020, from https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/healthyliving/vitamin-b