0

สารต้านแก่…สร้างได้ แค่ลองเลือกกิน


2020-06-30 12:04:05
#กินผลไม้ #ผลไม้ #ต้านอนุมูลอิสระ #อนุมูลอิสระ #สารต้านอนุมูลอิสระ #ผิวพรรณ #วิตามินและอาหารเสริม #วิตามินอี #วิตามินซี #วงจนค้านอนุมูลอิสระ #อาหารเสริม #เสริมอาหาร #สารต้านแก่ #ชะลอวัย #antioxidant #Supplement #Supplements #ริ้วรอย

          สังเกตหรือไม่ว่า เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกายก็ส่งสัญญาณ ‘ความแก่’ ออกมาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณที่ไม่สดใสเต่งตึงเหมือนเก่า หรือเริ่มมีริ้วรอยเกิดขึ้นมาให้กังวลใจ โดยมีสาเหตุจากการเสื่อมของร่างกายเมื่อสูงวัยขึ้นนั่นเอง แม้ว่ากระบวนการเสื่อมของเซลล์ในร่างกายนั้นเกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่อีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้การเสื่อมของเซลล์เกิดขึ้นตลอดเวลาคือสิ่งที่เรียกว่า อนุมูลอิสระ (free radicals) ซึ่งเป็นอะตอมหรือโมเลกุลที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (oxidation) จากการเผาผลาญพลังงานในร่างกายของเราเอง และจากปัจจัยภายนอกเช่นมลพิษฝุ่นควัน รังสีต่างๆ เป็นต้น[1] เมื่อมีอนุมูลอิสระมาเร่งให้การเสื่อมของเซลล์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) หรือสารต้านแก่เพื่อช่วยยับยั้งความเสื่อมถอยของร่างกายที่เกิดจากการทำงานของอนุมูลอิสระจึงมีความสำคัญ และได้รับความสนใจมากขึ้นในช่วงหลายปีมานี้


วงจรการต้านอนุมูลอิสระ


          สารต้านอนุมูลอิสระคือสารที่จะมาทำปฏิกิริยากับอนุมูลอิสระ อาจมีกลไกที่ช่วยยับยั้งหรือป้องกันการสร้างอนุมูลอิสระโดยตรง โดยปกติร่างกายของเราก็มีการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระเช่นกัน ซึ่งกระบวนการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้อาศัย วิตามินซี (Vitamin C หรือ Ascorbic Acid) และวิตามินอี (Vitamin E หรือ Tocopherol) เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนวงจรการทำงานดังกล่าว 

          วิตามินอี เป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน สามารถพบได้ในน้ำมันจากธัญพืชชนิดต่างๆ เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเมล็ดฝ้าย และผักใบเขียวบางชนิดเช่นกะหล่ำปลี และปวยเล้ง และพบมากในถั่วเปลือกแข็งเช่นอัลมอนด์ โดยที่ร่างกายของเราต้องการวิตามินอีราว 15 มิลลิกรัมต่อวัน[2] การทานอัลมอนด์ 100 กรัมก็เพียงพอสำหรับปริมาณวิตามินอีที่จำเป็นต่อวันแล้ว

          วิตามินซี เป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในน้ำ ในทางศาสตร์ชะลอวัย ร่างกายเราต้องการวิตามินชนิดนี้ถึงวันละ 1,000 มิลลิกรัม โดยวิตามินซี พบมากในผักและผลไม้สดต่างๆ เช่น ปวยเล้ง ดอกกะหล่ำ ยอดมะม่วง ยอดมะละกอ เชอร์รี่ ส้มต่างๆ มะขามป้อม และมะละกอเป็นต้น โดยเฉลี่ยแล้วส้ม 100 กรัม ให้วิตามินซีเพียง 53.4 กรัมเท่านั้น เท่ากับว่า หากเราต้องการได้รับวิตามินซีที่เพียงพอต่อวัน เราต้องทานส้มมากถึง 500 กรัม หรือครึ่งกิโลกรัม โดยที่ในส้มหนึ่งผลนั้นมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 20%[3] การทานส้มครึ่งกิโลกรัมนี้จึงทำให้เราได้รับน้ำตาลมากถึง 100 กรัมเลยทีเดียว


เลือกทานอาหารให้ดีก็เพียงพอแล้ว


          วิตามินซีและอีนั้นมีความสำคัญอย่างมากในวงจรการสร้างสารต้านแก่ การเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินเหล่านี้ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายต่อวันจึงเป็นสิ่งจำเป็น จะเห็นได้ว่าแค่ทานผักผลไม้ให้ครบในแต่ละวันก็ทำให้เรามีสารต้านแก่มาช่วยซ่อมแซมร่างกายแล้ว แต่ก็ควรระวังการทานผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูงจนเกินไปเพราะอาจเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆตามมาได้ นอกจากนี้การรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีวิตามินซีและอีเป็นส่วนประกอบ ก็เป็นอีกทางเลือกนึงที่สามารถทำให้ได้รับในปริมาณที่พอเหมาะได้ในทุกๆวัน



"Dii Supplements ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพดี ผิวสดใสในทุกวันนะคะ"


 


[1] Antioxidants: In Depth. (2020). Retrieved 25 June 2020, from https://www.nccih.nih.gov/health/antioxidants-in-depth


[2] Easy does it with vitamin E - Harvard Health. (2014). Retrieved 25 June 2020, from https://www.health.harvard.edu/newsletter_article/Easy_does_it_with_vitamin_E

[3] ไชยเหล็ก, ช. (2020). “ช่วงนี้ส้มอร่อย” ผู้ป่วยโรคเรื้อรังกิน “ส้ม” ได้เยอะแค่ไหน?. Retrieved 25 June 2020, from https://themomentum.co/orange-and-glycemic-index/#:~:text=%E0%B8%AA%E0%B9%89%E0%B8%A1%201%20%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%20%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99,%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%87


8/121 Work Place รัชดา-รามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ 10230
02-117-4825    l  Line :  @diisupplements l   dii.supplements@gmail.com



Copyright ® 2019 ketshopweb.com